วันเสาร์ที่ 2 สิงหาคม พ.ศ. 2551

ในกรง



1. ภาพชีวิตโค

ปลายเดือนตุลาคมของปี 2005 ฉันได้มีโอกาสรู้จักกับ โค นกคอคคาเทลเพศผู้ สีเทาดำตัวเล็กๆ ที่เกือบทั้งชีวิตของเขามีแต่ความเปลี่ยวเหงา


โคอาศัยอยู่ในบ้านชั้นเดียวสีชมพูกับคุณยายซึ่งเป็นหญิงสูงอายุวัย 82 ปี แม้จะมีอายุมากแล้วแต่คุณยายก็เป็นคนที่แข็งแรงทีเดียว ในแต่ละวันคุณยายมักจะใช้เวลาทั้งหมดของเธอไปกับการขุดดินและปลูกต้นไม้ในสวนที่โอบล้อมบ้านของเธอไว้ สวนของคุณยายก็ไม่ได้กว้างใหญ่มากนัก แต่มันก็มีเนื้อที่เพียงพอสำหรับให้คุณยายได้ปลูกต้นไม้หลายชนิดที่เธอรักไว้จนเต็ม อันที่จริงสวนของคุณยายน่าจะเข้าข่ายที่จะเรียกได้ว่ารกเสียมากกว่า เพราะหากคุณยายเห็นพื้นดินดำๆว่างอยู่ตรงไหน คุณยายก็จะปลูกต้นไม้ลงไปตรงนั้น ไม่มีการวางแผน ไม่มีการออกแบบ ด้วยเหตุนี้ไม้ดอกและไม้ผลหลากหลายชนิดของคุณยายจึงขึ้นเบียดเสียดกัน จนแทบจะหาที่ทางเดินในสวนนั้นไม่เจอ


บ้านของคุณยายปลูกอยู่อีกฝั่งถนน ตรงข้ามกับที่พักของฉัน เธอจะอยู่ที่บ้านนี้เพียงลำพัง โดยมีลูกๆของเธอซึ่งมีอาชีพเป็นหมอบ้าง เป็นศาสตราจารย์ในมหาวิทยาลัยชื่อดังบ้าง ผลัดกันแวะเวียนมาเยี่ยมแม่ของเขาเสมอๆ ฉันได้รู้จักกับคุณยายจากการแนะนำของเพื่อนเก่าชาวกรีก พวกเราแลกและแบ่งปันต้นไม้กัน ฉันให้ต้นชวนชม ที่ฉันเพาะได้จากเมล็ดที่แม่ของฉันเก็บมาฝากจากเมืองไทยกับคุณยาย และคุณยายก็ให้ต้นแองเจิลทรัมเพ็ตสีชมพูกับฉัน


อันที่จริงถ้าจะพูดว่าคุณยายอยู่บ้านนี้เพียงลำพัง ก็คงไม่ถูกต้องเสียทีเดียว เพราะคุณยายได้เลี้ยงแมวจร 2-3 ตัวไว้ที่ลานปูนหลังบ้านด้วย แมวเหล่านี้คงมาจากที่ไหนสักแห่ง แต่ด้วยความที่มันมีขนสวย คุณยายก็เลยเลี้ยงพวกมันเอาไว้เป็นสัตว์เลี้ยงของเธอ โดยที่เธอจะปล่อยพวกมันให้อยู่กันเองที่นอกบ้านตลอดเวลา ไม่ว่าจะเป็นในฤดูไหน ไม่ว่าอากาศที่นอกบ้านนั้นจะหนาวเย็นยะเยือกเพียงใด แมวเหล่านั้นก็รอดชีวิตมาได้ทุกปี ทั้งๆที่พวกมันไม่มีแม้กระทั่งลังกระดาษให้ซุกตัวนอน


นอกจากแมวแล้ว คุณยายก็ยังเลี้ยงนกคอคคาเทลไว้ตัวหนึ่งเธอเรียกเขาว่า "โค" บ้าง เรียกว่า "โคเบริ์ด" บ้าง ชื่อของโคแปลว่า นักรบ และจะอ่านออกเสียงว่า โคอะ ตามภาษาท้องถิ่นของชาวเกาะฮาวาย เกาะที่คุณยายเติบโตมา


คุณยายบอกกับฉันว่า โคมาอยู่กับเธอนานมากกว่าสิบปีแล้ว ก่อนหน้าที่โคจะมาอยู่กับคุณยาย โคเคยเป็นนกของหลานชายเธอ


ในอดีตนั้นโคเคยมีบ้านที่อบอุ่น มีพ่อมีแม่ ผู้ซึ่งจ่ายเงินซื้อโคมาจากร้านขายนก เพื่อให้เป็นสัตว์เลี้ยงของลูกชาย แต่เมื่อวันเดือนปีผ่านไป หลังจากที่เด็กชายคนนั้นเติบโตเปลี่ยนวัย เขาก็ไม่มีเวลาให้โคอีกต่อไป และไม่ว่าโคจะแสดงให้ทุกคนในบ้านเห็นว่า เขาเป็นนกที่มีความสามารถเพียงใด สุดท้าย...โคก็ถูกพามาทิ้งไว้ที่บ้านของคุณยาย


เมื่อคุณยายยอมให้ฉันได้เห็นและรู้จักโค นั่นจึงเป็นครั้งแรกที่ทำให้ฉันรู้สึกตกใจกับสภาพความเป็นอยู่ของเขา


คุณยายเดินนำฉันเข้าไปในบ้าน ผ่านห้องรับแขก ผ่านครัว แล้วตรงไปยังซอกมุมเล็กๆที่เป็นทางออกไปสู่หลังบ้าน ซอกตรงนี้มีความกว้างและลึกไม่ถึง 2 เมตร ด้านซ้ายเป็นผนังหลังห้องนอน ด้านขวาเป็นผนังของโรงจอดรถที่ถูกทิ้งร้าง ปลายสุดเป็นผนังกระจกและประตูกระจกบานเลื่อนที่จะเปิดออกไปสู่ลานปูนนอกบ้าน ซอกมุมตรงนี้เป็นที่ค่อนข้างลับตา คุณยายจึงใช้มันเป็นที่เก็บกองอุปกรณ์ทำสวนและข้าวของเหลือใช้จิปาถะ ตามประสาคนแก่ทั่วๆไปที่มักเสียดายไม่อยากทิ้งของ ปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ไม้กวาด อาหารแมว หนังสือพิมพ์เก่า เก้าอี้เก่า อาหารแห้งที่หมดอายุกับของสะสมที่ไม่มีค่า ก็จะถูกทิ้งอยู่ตรงนี้ด้วย ข้าวของบางส่วนจะถูกเก็บไว้อยู่ในตู้ไม้เก่าๆ บางส่วนก็จะวางกองสุมอยู่ตามพื้น.... และที่ตรงนั้นเอง เป็นที่อยู่ของโค


กรงของโคถูกวางไว้บนเก้าอี้ไม้เก่าๆตรงปลายสุดทางเดินของซอกเก็บของนั้น ด้านหลังกรงจะหันชนเข้ากับผนังกระจกซึ่งติดกับประตูบานเลื่อน โดยมีมู่ลี่ที่ปิดบ้างเปิดบ้างตามแต่โอกาสแขวนไว้ที่บานกระจกด้วย ถ้ามู่ลี่ถูกปิดไว้โคก็จะมองไม่เห็นอะไรเลย แต่ถ้ามู่มลี่เปิดแง้มออก โคก็จะเจอกับฝูงแมวที่อาศัยอยู่นอกบ้านกับข้าวของเหลือใช้ที่กองทิ้งไว้แถวนั้น แต่ไม่ว่าจะมองซ้าย มองขวาหรือจะมองไปข้างหน้า โคก็จะเห็นแต่กองข้าวของรกเรื้อมากมาย และที่แย่ไปกว่านั้น ในซอกมุมนี้โคจะไม่สามารถมองเห็นภาพบรรยากาศภายในบ้านได้เลย โคไม่มีโอกาสได้เห็นภาพชีวิตประจำวันและไม่มีโอกาสมีส่วนร่วมในกิจกรรมใดๆของคนในบ้าน ภาพเดียวที่โคจะมองเห็น คือภาพแห่งความโดดเดี่ยว... เปลี่ยวเหงา


ฉันมีความรู้สึกสลดหดหู่กับความน่าเวทนาของโค ไม่น่าเชื่อเลยว่า..จะมีนกตัวเล็กๆตัวหนึ่งถูกเลี้ยงในสภาพเช่นนี้


โคจะใช้ชีวิตประจำวันของเขาอยู่ในกรงที่มีขนาดเล็ก มันเล็กจนแม้นกที่มีขนาดเล็กที่สุดก็ไม่สมควรอยู่ ฉันไม่ชอบกรงของโคเอาเสียเลย เพราะนอกจากมันจะเป็นกรงที่บอบบางไม่แข็งแรงแล้ว มันยังเป็นกรงที่ออกแบบได้พึลึกอีกด้วย กรงใบนี้ทรงแคบสอบสูง แต่มีด้านบนเป็นหลังคาทรงป่องป้อมยื่นออกมา ทำให้กรงดูเป็นทรงแขกอินเดีย กรงลักษณะนี้ไม่เหมาะสำหรับการอยู่อาศัยของนก เพราะนกต้องการกรงทรงกว้างและยาว ไม่ใช่กรงทรงสูงและแคบ ความเป็นอยู่ของโคในกรงนี้จึงเข้าขั้นอึดอัด ไม่สะดวกสบาย โดยเฉพาะเมื่อโคต้องอยู่ในนั้นตลอดเวลา นานมากกว่าสิบปี


อันที่จริงแล้วฉันอยากจะพูดว่า.... มันไม่มีกรงใบไหนในโลก ที่จะเป็นกรงที่ดีที่สุดสำหรับนก


กรงของโคจะไม่มีตะแกรงรองพื้นเหมือนอย่างที่กรงนกทั่วไปมีไว้ใช้กันนกออกจากสิ่งสกปรกที่ใต้พื้นกรง คุณยายได้ถอดตะแกรงนั้นออก แล้วปูกระดาษหนังสือพิมพ์ทับลงบนถาดรองมูล แต่เมื่อกระดาษหนังสือพิมพ์ไม่เคยถูกดึงออกมาเปลี่ยนทิ้งเพื่อกำจัดสิ่งสกปรก โคก็จำต้องเดินอยู่บนเศษอาหารและมูลของตัวเองที่สะสมเป็นกองเรี่ยราดอยู่ในนั้น โดยมูลของโคจะมีมากเป็นพิเศษในตำแหน่งที่โคชอบยืนเป็นประจำ


ในขณะที่ฉันยืนดูอยู่นั้น โคกำลังก้มลงคุ้ยเขี่ยเก็บกินเศษเมล็ดพืชร่วงหล่น ที่ผสมปนเปกับมูลตามพื้นกรง


คุณยายได้หักกิ่งไม้เล็กๆที่มีขนาดใหญ่กว่าตะเกียบคีบก๋วยเตี๋ยวไม่มากนักจากในสวนของเธอ เอามาเสียบคาซี่กรงไว้อย่างลวกๆ เพื่อใช้ทำเป็นคอนซึ่งโคจะต้องใช้มันสำหรับยืนตลอดเวลา แต่นกในขนาดโคจำเป็นต้องยืนบนคอนไม้ ที่มีเส้นผ่าศูนย์กลางประมาณหนึ่งนิ้ว การใช้คอนที่ผิดขนาดจึงส่งผลเสียให้กับข้อกระดูกนิ้วเท้าของโค ฉันไม่รู้ว่าโคจะต้องใช้กิ่งไม้นี้ยืนต่างคอนอย่างไม่มีทางเลือกมานานสักกี่ปี แต่หากจะประมาณจากความหนาของมูลแห้งที่เคลือบอยู่บนกิ่งไม้แล้วละก็ ไม้ชิ้นนี้คงอยู่กับโคมานานทีเดียว


ในกรงจะมีถ้วยอาหารพลาสติกใบเล็กๆอยู่ 2 ใบ ฉันชะโงกดูในถ้วยใบหนึ่งก็พบว่า ถ้วยนั้นเต็มไปด้วยเปลือกของเมล็ดพืชที่จับตัวหลวมๆจนกลายเป็นก้อน ดูเหมือนมันจะมีมอดมาอาศัยอยู่ โคได้กินเนื้อในของเมล็ดพืชหมดไปนานแล้ว แต่ถ้วยใบนี้คงไม่เคยขยับออกมาจากกรงเลย ส่วนถ้วยอาหารอีกใบซึ่งมีคราบมูลของโคเลอะเทอะติดอยู่ตามขอบ คงเป็นถ้วยใบเดียวที่จะมีเมล็ดพืชซึ่งเป็นอาหารของโคใส่ไว้เป็นประจำ นอกจากถ้วยอาหารแล้ว ในกรงจะมีถ้วยน้ำดื่มอยู่หนึ่งใบ ฉันชะโงกดูที่ถ้วยน้ำดื่มของโค และพบว่าน้ำในถ้วยนั้นขุ่นมัวและมีผงฝุ่นดำๆลอยอยู่บนผิวน้ำ คุณยายคงไม่ค่อยได้เปลี่ยนน้ำสะอาดใหม่ๆให้โคบ่อยนัก


บนหลังคากรง ฉันมองเห็นขนมปังปิ้งแห้งๆแข็งๆครึ่งชิ้นเสียบค้างคาอยู่กับซี่กรง มันคงเป็นอาหารของโคที่ถูกเสียบทิ้งไว้อย่างนั้นหลายวันมาแล้ว ใกล้ๆกับชิ้นขนมปัง ยังมีเมล็ดพืชอัดแท่งรูประฆังซึ่งเป็นอาหารสำหรับใช้เลี้ยงนกในธรรมชาติก้อนใหญ่กว่ากำปั้น ใส่อยู่ในถุงตาข่ายสีชมพู แขวนทิ้งไว้หนึ่งก้อน อาหารก้อนนี้ถูกแทะไปน้อยมาก ฉันคิดว่าโคคงไม่อยากกินมันหากไม่จำเป็น ดูจากฝุ่นที่จับตัวกันจนเป็นปุยหนาฟูฟ่องเหมือนละอองหิมะในฤดูหนาว ฉันก็รู้ได้เลยว่า เจ้าอาหารก้อนนี้มันคงถูกแขวนทิ้งค้างคาไว้อย่างนั้นมานานแรมปี


ฉันทักทายโคด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม แต่ในใจนั้นซ่อนไว้ด้วยความรู้สึกที่ยากจะบรรยาย โดยเฉพาะเมื่อฉันต้องระมัดระวังคำพูดและกริยาที่จะไม่ทำให้คุณยายรู้สึกอึดอัด ส่วนคุณยายก็ได้แต่ออกตัวว่า.. เธอไม่ค่อยมีเวลา


ฉันกล่าวลาคุณยายแล้วเดินกลับบ้านด้วยหัวใจที่หดหู่ ความคำนึงของฉันในวินาทีนั้นมีแต่ภาพของโค ภาพที่ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกกระวนกระวาย หลังจากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่แล้ว ภาพของโคก็ยังคงวนเวียนอยู่ในใจของฉันไม่เลือนหาย ฉันไม่อยากให้โคต้องตกอยู่ในสภาพแบบนั้น แม้เพียง... อีกคืนเดียว


ฉันตัดสินใจจัดหาข้าวของที่จำเป็นสำหรับนกใส่ลงในถุง แล้วหยิบหนังสือการจัดตกแต่งสวน 2-3 เล่มติดไปให้คุณยายด้วย อย่างน้อยหนังสือคงจะช่วยไม่ให้ดูเป็นการเสียมารยาทจนเกินไป เมื่อฉันต้องกลับไปที่บ้านของคุณยายอีกครั้งในวันเดียวกันอย่างนี้ ฉันขออนุญาตคุณยาย ก่อนที่จะจัดการทำความสะอาดกรงให้โค กรงของโคทำความสะอาดไม่ง่ายนัก เพราะมูลที่ทับถมแห้งกรังตามขอบกรงมานานได้จับตัวกันจนแน่นแข็ง เมื่อกรงสะอาดฉันจึงจัดการเอาข้าวของที่ฉันนำมาด้วย จัดตกแต่งกรงให้โคเสียใหม่ ฉันติดตั้งคอนอันใหม่ที่เหมาะกับขนาดเท้าของโคลงไปในกรง ฉันวางบันไดไม้อันเล็กๆพาดไว้ให้โคใช้ปีนเล่น แล้วฉันก็ติดตั้งถ้วยอาหารใบใหม่ที่ใส่อาหารใหม่ๆให้โค ฉันล้างถ้วยน้ำแล้วเปลี่ยนน้ำดื่มสะอาด พร้อมกับจัดผักสดใบเขียว ใส่ลงในขวดเล็กๆที่มีน้ำหล่อที่ก้นขวด วางไว้ให้โคแทะเล่นที่พื้นกรง ฉันแขวนของเล่นให้โคเป็นสิ่งสุดท้าย คืนนี้โคคงหลับสบายกว่าทุกคืน

จากวันนั้นเป็นต้นมา ฉันก็อาสาช่วยทำความสะอาดกรงให้โค ฉันจะไปที่บ้านของคุณยายทุกวันจันทร์ และทุกครั้งที่ฉันไปที่นั้นฉันไม่เคยไปมือเปล่า แต่ฉันจะจัดอาหารไปให้โคด้วยเสมอๆ ฉันจะต้มไข่ ต้มพาสต้า จัดขนมปังธัญพืช 4 ชิ้น จัดผักสดต่างๆที่ล้างสะอาด และอาหารอื่นๆตามโอกาส อาหารของโคทุกอย่างจะถูกจัดใส่ลงเป็นถุงๆแยกไว้ เพื่อให้คุณยายสะดวกที่จะหยิบมันมาใช้ให้โคกินได้อย่างเพียงพอในหนึ่งสัปดาห์


แต่ไม่ว่าฉันจะจัดเตรียมทุกอย่างให้โคไว้ดีเพียงใด ทุกครั้งที่คุณยายเปิดตู้เย็น ฉันก็จะมองเห็นขนมปังที่ฉันจัดมาให้โคถูกเก็บสะสมรวมกันอยู่ในนั้นหลายๆถุง บางถุงยังไม่เคยเปิดใช้ด้วยซ้ำ ไข่ต้มที่ฉันทำให้โคก็จะถูกซุกเก็บไว้นานจนเน่า คุณยายไม่ได้เอาใจใส่ให้อาหารเหล่านี้กับโคเลย เธอยังคงให้อาหารที่เธอเคยชินและสะดวก คุณยายไม่เคยมีเวลาสำหรับโค


แม้จะรู้จะเห็นเช่นนั้น ฉันก็ยังคงจัดอาหารให้โคเหมือนเดิมไม่เปลี่ยนแปลง เพราะอย่างน้อยโคก็จะได้กินมันในวันจันทร์ ซึ่งเป็นวันที่ฉันจะจัดอาหารใส่ถ้วยให้เขาด้วยตัวเอง


ไม่กี่เดือนต่อมา ฉันได้กรงใบใหม่มาให้โค กรงใบนี้ฉันได้มาจากคุณบอนนี่ ผู้เป็นเจ้าของและผู้ก่อตั้งองค์กรอุปการะนกที่ฉันเป็นสมาชิกอยู่ คุณบอนนี่ใจดี เพราะนอกจากเธอจะให้กรงที่มาพร้อมกับถ้วยอาหารและคอนแล้ว เธอก็ให้ของเล่นนกติดมาด้วยอีกหนึ่งชิ้น กรงใหม่ใบนี้แม้มันจะไม่ใช่กรงที่มีขนาดใหญ่นัก แต่มันก็ดีกว่ากรงเดิมที่โคอยู่มากมายทีเดียว


เมื่อโคมีกรงใหม่ ฉันจึงถือโอกาสขอให้คุณยายขยับที่วางกรงของโคออกมาจากซอกเดิม กรงใหม่จึงได้วางตรงสุดทางเดินของห้องครัว ที่ตรงนี้โคจะได้มีโอกาสมองเห็นบรรยากาศภายในบ้านบ้าง


จากเดิมที่ต้องเช็ดทำความสะอาดกรงให้โคในซอกหลังบ้านมานาน ฉันก็รวบรวมความกล้าแล้วขอใช้ห้องน้ำของคุณยาย เพื่อให้กรงของโคได้ผ่านน้ำก็อกร้อนๆเพื่อฆ่าเชื้อโรคสักครั้ง แต่คุณยายไม่อนุญาตเพราะเธอกลัวว่ากรงของโคจะทำให้ห้องน้ำของเธอสกปรก เมื่อเป็นเช่นนั้น ฉันจึงได้แต่ขอยืมกระบอกฉีดน้ำของเธอมาใช้ล้างกรงให้โคแทน ฉันจะเติมน้ำอุ่นจากก็อกน้ำในครัว แล้วฉันก็หิ้วกรงของโคออกไปที่หน้าบ้าน ในสวนหน้าบ้านมีเก้าอี้ไม้ยาวเก่าๆหนึ่งตัว ฉันจะวางกรงของโคลงตรงนั้น แล้วจัดการฉีดล้างกรง แต่กว่าที่กรงจะสะอาดดังใจ ฉันก็ต้องวิ่งเข้าออกบ้านคุณยายเพื่อเติมน้ำอุ่นอยู่หลายครั้ง ทำให้การล้างกรงเพียงใบเดียวต้องใช้เวลานานอย่างไม่มีเหตุผลเอาเสียเลย ที่แย่ไปกว่านั้นก็คือ ฉันไม่มีแม้โอกาสที่จะขอใช้สายยางรดน้ำต้นไม้ของคุณยายเอามาฉีดล้างกรง เพราะฉันรู้ตัวดีว่าหากฉันเรื่องมาก ต่อรองและไม่เจียมตัวละก็ คุณยายอาจรำคาญ แล้วฉันก็อาจไม่ได้มาล้างกรงให้โคอีกเลย


บ่อยครั้งที่ฉันรู้สึกทดท้อต่อความยุ่งยาก ลำบากและเหนื่อยล้า ที่งานล้างกรงง่ายๆต้องกลายเป็นความทรมาน โดยเฉพาะในวันที่ฉันต้องยืนล้างกรงท่ามกลางแดดแรงในฤดูร้อน และในวันที่ต้องยืนตากลมเย็นเยียบในฤดูหนาว แต่ทุกครั้งเมื่อกรงของโคสะอาดเอี่ยม ฉันก็ลืมความรู้สึกนั้นไปจนหมด


ในวันที่อากาศโปร่ง ฟ้าใสและแดดอ่อนอุ่น ฉันจะถือโอกาสพาโคใส่กรงออกมาในสวนหน้าบ้านด้วย ที่หน้าบ้านโคจะได้รับอากาศบริสุทธิ์ ได้เห็นวิวที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน บางครั้งฉันก็จะถือโอกาสอาบน้ำให้เขา ด้วยการฉีดพ่นละอองฝอยของน้ำอุ่นอ่อนๆจากกระบอกฉีดน้ำลงไปบนตัวของเขา เมื่อละอองน้ำตกถึงตัว โคก็จะกางปีกสีเทาของเขาออกเพื่อรับน้ำอย่างสนุกสนานทีเดียว หลายปีมาแล้วที่โคไม่เคยมีโอกาสอาบน้ำ การได้อาบน้ำอย่างนี้จะช่วยให้โคสดชื่นสบายตัว และช่วยให้ผิวที่แห้งผากของโคชุ่มชื่น หลังอาบน้ำฉันจะปล่อยให้โคได้ไซ้ขนและผึ่งแดดอ่อนอุ่น โดยที่ฉันจะอยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดเวลา


เมื่อฉันจัดการทำความสะอาดกรงและจัดมันเข้าที่เข้าทางแล้ว ฉันก็จะดูแลกวาดพื้นรอบๆบริเวณกรง เพื่อเก็บทิ้งเศษเมล็ดพืชที่โคทำกระเด็นตกลงมาอยู่บนพรมปูพื้น ฉันจัดอาหาร จัดน้ำสะอาดให้โคก่อนที่จะพาเขากลับเข้ากรง และนั่นก็เป็นอันว่าหมดหน้าที่ของฉันในวันนั้นแล้ว





2. เพื่อนของโค

ในบางครั้งเมื่อฉันไปถึงบ้านคุณยาย ฉันจะพบว่า กรงของโคถูกปิดคลุมไว้อย่างมิดชิดด้วยผ้าสีหม่นที่พับซ้อนทับกันถึง 2-3 ชั้น คุณยายมักจะคลุมผ้าปิดกรงของโคไว้อย่างนี้ หากคุณยายรู้สึกรำคาญเสียงร้องของโค แต่สำหรับโคแล้วการถูกปิดผ้าคลุมกรงในเวลากลางวันแสกๆ เป็นการทรมานความรู้สึกของเขาเป็นอย่างมาก เพราะเขาจะรู้ดีว่าเขากำลังถูกตัดออกจากโลกภายนอก โลกแห่งความผูกพันที่เขาโหยหา ที่ใต้ผ้าผืนนั้นโคจะรู้สึกหวาดกลัวและสับสน เขาไม่รู้หรอกว่าเขามีความผิดอะไร จึงได้ถูกลงโทษด้วยการปิดคลุมกรง วินาทีนั้นโคก็มีสภาพไม่ต่างไปจากนักโทษที่ถูกส่งตัวไปในคุกมืด ไม่ต้องเห็นเดือน ไม่ต้องเห็นตะวัน


มันไม่ใช่ความผิดของโคเลย ที่เขาจะส่งเสียงร้องด้วยความรู้สึกอึดอัด อึดอัดที่เขาไม่เคยได้รับในสิ่งที่เขาต้องการ อึดอัดที่ไม่สามารถสื่อสารพูดภาษาให้คุณยายเข้าใจได้ โคอาจจะอยากให้คุณยายเดินมาหา แล้วทักทาย หรืออาจอยากให้คุณยายรับเขาออกมานอกกรงบ้าง เขาอาจอยากนั่งเล่นเป็นเพื่อนดูทีวีกับคุณยายที่ห้องรับแขก เขาอาจอยากเดินเล่นบนโซฟาตัวโต แต่โคผู้เปลี่ยวเหงา ว้าเหว่และเดี่ยวดาย... ก็ถูกปล่อยปละละเลย


นกที่มีสุขภาพดีมักจะไม่ร้องโยเย แต่นกที่ร้องตลอดเวลามักเป็นนกที่มีปัญหา ไม่ว่าปัญหานั้นจะเกิดขึ้นจากความบกพร่องทางกาย เช่น ความเจ็บป่วย หรือเกิดจากความบกพร่องทางใจ เช่น ความรู้สึกเหงาเศร้า คุณยายไม่เคยเฉลียวใจเลยว่า..โคมีปัญหาอะไร โคต้องการอะไร แล้วคุณยายก็ตัดสินใจใช้วิธีแก้ปัญหาง่ายๆ ด้วยการปิดผ้าคลุมกรง แล้วทิ้งโคไว้ที่ใต้ผ้าผืนมอซอนั้น


หากโคเกิดเป็นนกในป่า เขาจะมีทางเลือกและมีทางออกให้กับชีวิตมากมาย แต่น่าเศร้าที่เขาเกิดมาเป็นโค นักรบที่ต้องมายืนอยู่หลังซี่กรง


ในกรงของโคจะมีกระจกบานเล็กสีส้มที่เขารักมากอยู่อันหนึ่ง มันเป็นกระจกที่ออกแบบมาให้มีกระบอกอาหารใบเล็กๆติดอยู่ด้านหน้า กระจกบานนี้คงมาพร้อมกับโคในกรงของเขา เมื่อครั้งที่เขาถูกเอามาทิ้งไว้ที่บ้านคุณยาย ฉันสังเกตุเห็นว่า โคมักใช้เวลายืนอยู่หน้ากระจกบานนี้นาน นาน เขาจะจ้องมองดูภาพสะท้อนของตัวเองในนั้น แล้วเขาก็จะเอียงคอ ยกปีกเล็กน้อย พร้อมกับส่งเสียงหวานทักทาย "ฮัลโหล โคเบิร์ด... ฮัลโหล โคเบิร์ด..." โคคิดว่าภาพสะท้อนในกระจกนั้นเป็นนกอีกตัว นกตัวเดียวที่อยู่เป็นเพื่อนเขาตลอดเวลาเมื่อเขาต้องการ


กระจกของโคอันนี้อยู่ในสภาพเก่าชำรุด ขาเกี่ยวที่มีไว้สำหรับแขวนมันเข้ากับซี่กรงหักพังไปข้างหนึ่ง จึงทำให้มันไม่สามารถติดตั้งให้ดีได้อีกต่อไป แต่เพราะโครู้สึกผูกพันกับกระจกนี้มาก ฉันจึงต้องหาเชือกมามัดพันมันให้ยึดติดกับผนังกรงเอาไว้ แต่การจะมัดพันมันให้ดีด้วยตัวเองเพียงลำพังนั้นไม่ง่ายเลย ดังนั้นแม้ฉันจะพยายามัดมันให้มั่นคงเพียงใด มันก็มักจะแขวนอยู่อย่างนั้นได้สักระยะ เมื่อเชือกเริ่มหย่อนยานเพราะต้องรับน้ำหนักตัวของโคที่มักขึ้นไปยืนบนกระบอกอาหาร ทั้งกระจกและกระบอกก็มักจะตกลงมา


วันหนึ่งเมื่อฉันเดินเข้าไปใกล้กรงของโค ฉันมองเห็นกระจกที่โครัก ตกลงมาวางตะแคงอยู่บนพื้นในกรงของเขา โคกำลังยืนเบียดตัวเข้าชิดซี่กรงด้านหน้าแล้วพยายามอย่างมากที่จะค้อมตัวเอียงคอโค้งลง จนหัวของเขาแทบจะติดพื้นกรง เพื่อที่จะได้มองเห็นภาพสะท้อนของผู้เป็นเสมือนเพื่อนที่รักในกระจก แม้จะเห็นหน้าเพื่อนได้ไม่ชัดเจนนัก แต่โคก็ยังคงส่งเสียงทักทายเพื่อนผู้ซึ่งขณะนั้นกำลังอยู่ในสภาพพิกลพิการ แผ่วเบา "ฮัลโหล โคเบิร์ด...."


นั่นเป็นอีกภาพของโค ที่ทำให้ฉันรู้สึกสะเทือนใจ


โคคงได้พยายามที่จะดันกระจกให้อยู่ในตำแหน่งที่ถูกต้องอยู่หลายครั้ง จากมุมด้านหลังกรงที่กระจกถูกแขวนไว้ ไล่เลยมาจนถึงมุมด้านหน้ากรง ฉันไม่รู้ว่ากระจกจะตกลงมานอนตะแคงอย่างนี้กี่วันแล้ว และฉันก็ไม่รู้ว่าโคจะอยู่ในสภาพแบบนี้มากี่วันแล้ว ฉันรู้แต่ว่า ฉันไม่อาจมั่นใจได้อีกต่อไปกับคำพูดของคุณยายที่บอกกับฉันว่า... เธอรักโค


จากวันนั้น ฉันพยายามไปทุกร้านและค้นทางอินเตอร์เน็ท เพื่อหาซื้อกระจกแบบเดียวกันนี้มาเปลี่ยนให้โค แต่ไม่ว่าฉันจะพยายามมากเพียงไร ฉันก็ไม่เคยหามันพบ หรือกระจกแบบนี้มันจะตกรุ่นไปแล้ว ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจซื้อกระจกแบบอื่นให้โค พร้อมๆกับยังคงผูกกระจกที่เขารักไว้ให้ตรงที่เดิม แต่โคไม่เคยชอบกระจกอันใหม่ของเขาเลย เขายังคงปีนขึ้นไปยืนบนกระจกอันเดิม




3. อิสระ.. ที่หัวใจ


เมื่อครั้งที่ฉันยังคงเป็นคนแปลกหน้าสำหรับโค โคจะไม่ยอมรับและวิ่งหนีมือของฉันเสมอหากฉันพยายามรับเขาออกมาจากกรง ในระหว่างที่ฉันทำความสะอาดกรงให้เขา เขาก็จะปีนกรงหนีตลอดเวลา ถ้าฉันเช็ดกรงด้านซ้ายโคจะปีนหนีไปทางด้านขวา ถ้าฉันเช็ดกรงด้านขวาโคก็จะปีนหนีไปทางด้านซ้าย แม้ความหวาดกลัวคนแปลกหน้าจะถือเป็นเรื่องปกติที่เกิดกับนก แต่สำหรับโคแล้ว โคยังมีปัญหาการติดกรงอีกด้วย เหตุการณ์แบบนี้มักเกิดขึ้นกับนกที่ต้องอยู่ในกรงเพียงลำพังเป็นเวลานาน มันนานจนทำให้เขากลัวและหวาดระแวงกับการที่จะต้องออกมาจากกรง สิ่งนี้เป็นปัญหาทางจิตอย่างหนึ่งที่เกิดขึ้นเสมอๆกับนกเลี้ยงในกรง ซึ่งปัญหาการติดกรงนี้ จะทำร้ายทั้งสุขภาพกายและสุขภาพใจของนกไปพร้อมๆกัน


นกที่ติดกรงจะไม่มีโอกาสได้ออกกำลังกาย โดยเฉพาะหากกรงนั้นแคบมาก และนกที่ติดกรงก็จะเป็นโรคหวาดกลัวหากเขาไม่ได้เห็นกรงของตัวเอง


เวลาผ่านไป ฉันและโคต่างคุ้นเคยกันมากขึ้น ในวันที่เขามีความสุข เขามักจะส่งเสียงกระซิบอ่อนหวาน เรียกชื่อของตัวเอง ฮัลโหล..โคเบิร์ด ให้ฉันได้ยิ้มบ่อยๆ ฉันจะใช้เวลาดูแลตัดเล็บเท้าให้โค และจะสำรวจทั้งตัวของเขา เพื่อให้แน่ใจว่าโคยังคงอยู่ในสุขภาพที่ยอมรับได้ แม้จะรู้ดีว่าโคไม่ใช่นกที่มีสุขภาพสมบูรณ์ 100% ก็ตาม เพราะเมื่อฉันได้เจอกับโคครั้งแรกนั้นโคอยู่ในสภาพที่ผอมมาก ผอมจนหน้าอกของเขามีสันกระดูกแหลมโปนออกมา


เมื่อออกนอกกรงโคจะได้รับการฝึกทักษะต่างๆไปพร้อมๆกับการได้บินออกกำลังกายภายในบ้าน ฉันได้ให้การโอบกอดสัมผัสและลูบหัวเขาเสมอๆ ซึ่งฉันยังคงจำได้ดีถึงครั้งแรกที่ร่างเล็กๆของโคถูกโอบไว้ในอุ้มมือแล้วซุกแนบอยู่ภายใต้อ้อมกอดของฉัน ในวินาทีนั้น โคจะหลับตาพริ้มแล้วซบหัวลงบนตัวฉันนิ่งนาน เมื่อฉันใช้นิ้วมือลูบหัวให้เขาเบาๆ ฉันก็ได้ยินเสียงของเขาร้องครางแผ่วๆออกมา


เสียงร้องของโคช่างแสนเศร้า เพราะมันได้คลุกเคล้าไว้ด้วยน้ำเสียงของความสุขที่ปะปนระคนกับความเปลี่ยวเหงา เจ็บปวดและโหยหา เสียงนั้นเองที่ทำให้ฉันต้องเบือนหน้า.... น้ำตาริน


นานเท่าไรแล้วนะ ที่โคไม่เคยได้รับการกอดสัมผัสแบบนี้ เสียงครางของโคบาดลึกลงในหัวใจของฉัน


ฉันหันหลังให้คุณยายเพื่อที่จะซ่อนความรู้สึก ที่เหมือนมีก้อนหินแห่งความระทมถมทับหนักอึ้งอยู่ในหัวใจเอาไว้ ก่อนที่จะซุกหน้าปาดน้ำตาลงบนไหล่ ฉันเก็บกลืนก้อนโศกแล้วโยกตัวเห่กล่อมโค เหมือนดังว่าเขาเป็นเด็กทารกในอ้อมอกแม่ ฉันรู้ดีว่า แม้ว่าฉันจะรักและสงสารโคมากเพียงใด แต่ฉันคงไม่สามารถช่วยโคให้พ้นไปจากสภาพนี้ได้ และแม้ฉันจะอยากกอดโคอย่างนี้ให้นานแสนนานเพียงไร ฉันก็คงไม่ได้รับโอกาสที่จะทำเช่นนั้นให้กับโคได้ทุกวัน แค่วันจันทร์เพียงวันเดียว คงเป็นโอกาสเพียงเท่านั้นที่ฉันจะได้รับจากคุณยาย


ถึงคุณยายจะมีโคอยู่เป็นเพื่อน แต่คุณยายก็ดูแลโคแค่เพียงผิวเผิน เธอไม่อยากแม้จะเจียดเงินเพื่อที่จะซื้ออาหารดีๆให้โค และเธอก็ไม่ยอมต้มไข่ให้โคกินตามที่ฉันแนะนำ โดยเธอให้เหตุผลว่าเธอไม่กินไข่ต้ม เธอไม่เคยซื้อของเล่นให้โคเพราะเธอบอกว่ามันสิ้นเปลือง ความรักทั้งหมดของคุณยายดูเหมือนจะอยู่ที่นอกบ้านกับต้นไม้ของเธอ เธอจ่ายเงินซื้อต้นไม้ใหม่ๆ เธอให้เวลากับต้นไม้เกือบทั้งวัน จนเธอหลงลืมไปว่า ชีวิตที่รออยู่ในบ้านนั้นมีความรู้สึกและมีจิตวิญญาณ มากกว่าต้นไม้ที่ข้างนอก


ฉันรู้ดีว่าในระหว่างสัปดาห์ที่ฉันไม่ได้มาทำความสะอาดกรงให้โค คุณยายก็จะไม่เคยดูแลกรงให้โคเลย เธอจะทำเพียงให้เมล็ดพืชและเปลี่ยนน้ำ 2-3 วันต่อครั้ง หากเธอไม่ลืม ดูจากความขุ่นมัวของน้ำดื่มฉันก็รู้ได้ชัดเจน ที่แย่ไปกว่านั้นในบางครั้งฉันยังพบว่า ในน้ำดื่มของโคจะมีมูลสีเขียวกองโตของโคลอยอยู่ จนดูน่าคลื่นเหียน ฉันคิดว่าโคคงไม่มีทางเลือกอื่นหากเขากระหายน้ำ เขาก็ต้องดื่มมัน นกเลี้ยงที่ต้องถูกขังในกรงตลอดเวลา ไม่มีโอกาสขวนขวายหาทางเลือกให้ชีวิตของตัวเอง หากโชคร้ายเจ้าของลืมให้น้ำ นกส่วนใหญ่ก็จะตายภายในเวลาไม่เกิน 24-48 ชั่วโมง


พฤติกรรมอย่างหนึ่งของโค ที่เกิดขึ้นเสมอบ่อยครั้งเมื่อฉันเปิดประตูกรงแล้วยื่นมือรับเขาออกมานอกกรงก็คือ เขาจะบินออกจากมือของฉันทันที มันเป็นการบินอย่างรวดเร็ว สุดกำลังเพื่อตรงไปที่ประตูหน้าบ้าน โคจะบินไปเกาะที่ประตูเหล็กซึ่งเป็นประตูฉลุลาย รูเล็กๆหลายๆรูที่ประตูช่วยให้โคสามารถมองเห็นวิวที่นอกบ้านได้ เมื่อยึดเกาะประตูเหล็กได้มั่นคง โคจะปีนสูงขึ้นไปจนถึงขอบประตูด้านบน ที่เขาทำแบบนี้ก็เพื่อให้ตัวเองอยู่ในตำแหน่งที่สูงที่สุด เพราะเขาไม่ต้องการให้ใครมาจับตัวเขาแล้วพาเขาให้พ้นออกมาจากประตูนั้น


สายตาของโคที่จ้องมองตรงออกไปข้างนอกบ้านนิ่งนานนั้น เป็นสิ่งเดียวที่หยุดฉันเอาไว้ ไม่ให้เข้าไปรับตัวเขาออกมาจากประตู ฉันจะปล่อยให้โคใช้เวลาที่เขาพึงใจไปกับวิวนอกบ้าน ประตูเหล็กคงขังโคได้แค่เพียงร่างกาย แต่มันไม่อาจขังหัวใจและวิญญาณอิสระของโค ที่กำลังโบยบินออกจากบ้านสีชมพูหลังนี้ไปได้


คงจะมีแต่หัวใจของโคเท่านั้นกระมัง.... ที่ไม่เคยถูกจองจำ


4. อนาคตที่มองไม่เห็น


สิ่งเดียวที่ฉันจะทำให้โคได้ก็คือ ฉันต้องช่วยให้ทั้งโคและคุณยายมีความผูกพันกันมากขึ้น ฉันมักหาบทความเกี่ยวกับการดูแลนกไปให้คุณยายอ่าน ฉันจะแนะนำสิ่งต่างๆที่คุณยายควรต้องรู้ในการดูแลโค ฉันจัดยาพื้นฐานที่จำเป็นสำหรับโคไปให้คุณยาย ในวันหยุดช่วงปิดเทอม หลานสาว 3 คนของคุณยายซึ่งจะมาที่บ้านคุณยายทุกวันจันทร์ ก็จะได้เรียนรู้การดูแลนกจากฉันด้วย เด็กๆสนุกกับโคและโคก็ชอบเด็กๆ พวกเขาได้ใช้เวลาสนุกกันและโคก็ได้ออกมาเล่นนอกกรงนานๆ ฉันหวังว่าสักวันหากคุณยายตัดสินใจยกโคให้หลานๆของเธอตามที่เด็กๆร้องขอ โคน่าจะมีความสุขกว่าที่เป็นอยู่ แต่ดูเหมือนคุณยายยังไม่เคยคิดจะยกโคให้กับใคร เพราะเธอคงไม่อยากรู้สึกว่า ตัวเองต้องอยู่ลำพังคนเดียวจริงๆ


ฉันทำหน้าที่ดูแลโคอย่างนี้ อยู่เป็นเวลาหนึ่งปีเต็ม !


แม้ว่าฉันจะดูแลโคมาตลอดเวลาด้วยการให้และไม่รับสิ่งตอบแทน แต่ก็ไม่ใช่ทุกครั้งที่คุณยายจะอนุญาตให้ฉันได้เข้าไปในบ้านของเธอเพื่อดูแลโค บางครั้งหากคุณยายเหนื่อยมาจากการดูแลต้นไม้ในสวน คุณยายก็ปฏิเสธฉัน เพราะเธอต้องการจะนอนพักผ่อน หากวันไหนที่ฉันต้องเจอสถานการณ์แบบนั้น ฉันก็ทำได้เพียงฝากอาหารที่ฉันเตรียมมาแล้วให้คุณยาย แล้วเดินกลับบ้านด้วยความผิดหวัง ฉันรู้ดีว่านับจากนี้ไปอีก 7 วัน โคก็จะต้อง อยู่ในกรงสกปรกต่อไปอีกถึง 14 วันทีเดียว ความกังวลมากมายผุดขึ้นในใจ โคจะมีน้ำสะอาดกินไหม คุณยายจะลืมให้อาหารโคหรือเปล่า


นี่มันเป็นชะตากรรมของฉันที่ไม่มีโอกาสได้ดูแลโค หรือมันเป็นชะตากรรมของโค ที่จะต้องตกในสภาพแบบนี้ หรือเราต่างมีชะตากรรมร่วมกัน คิดได้เพียงเท่านั้น น้ำตาฉันก็ไหลริน....


ฉันสงสารโคเหลือเกิน


5.วันสุดท้าย....


และแล้ววันที่เราต้องจากกันก็มาถึง มันเป็นช่วงปลายปี 2006 ที่คุณยายมักจะมีข้ออ้างที่ทำให้เธอไม่พร้อมที่จะเปิดประตูรับฉันเพื่อทำหน้าที่ดูแลทำความสะอาดกรงให้โค เธอจะเหนื่อยบ้าง ป่วยบ้าง ไม่ได้ยินเสียงกริ่งบ้าง สิ่งเหล่านี้ทำให้ฉันรู้ว่า คุณยายกำลังเบื่อกับการที่เธอต้องรอให้ฉันทำความสะอาดกรงและให้เวลาโคได้ออกมาเล่นนอกกรงแม้สักเพียงครึ่งชั่วโมง คุณยายคงรู้สึกว่า สิ่งที่ฉันทำให้โคเป็นภาระของเธอ


หลายสัปดาห์ติดต่อกัน ที่ฉันต้องเดินกลับบ้านท่ามกลางสายลมหนาว กับหัวใจที่ว่างเปล่า....


ในที่สุด ฉันก็ได้เจอกระจกที่ฉันค้นหามันมาตลอดเวลา และช่างเป็นเรื่องเหลือเชื่อ ที่ฉันไปเจอมันในมุมขายอาหารและอุปกรณ์สัตว์เลี้ยงที่ร้านซุปเปอร์มาร์เก็ตไม่ไกลจากบ้านนี่เอง ปกติฉันจะไม่ไปที่ร้านนี้บ่อยนัก ต่างจากคุณยายซึ่งเธอจะจับจ่ายซื้อของที่นี่เป็นประจำ และเธอก็ซื้ออาหารของโคจากร้านนี้ ฉันเดาว่าคุณยายน่าจะเห็นกระจกนี้มาวางขายก่อนที่ฉันจะเห็น แต่ก็น่าประหลาดที่คุณยายไม่เคยคิดจะซื้อกระจกนี้ให้โค แม้มันจะมีราคาแค่เพียงเศษเงิน

ฉันเลือกกระจกใบที่ดีที่สุด จ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้านด้วยความดีใจ กลับถึงบ้านฉันถ่ายรูปกระจกเก็บไว้ 2-3 รูป แล้วจัด การเก็บมันใส่ถุง เย็นนี้ฉันจะรีบไปบ้านคุณยายแล้วเอากระจกอันใหม่ไปแขวนให้โคด้วยตัวเอง ฉันไม่ได้เจอโคมาหลายสัปดาห์แล้ว แม้ฉันจะรู้ตัวดีว่าโอกาสที่ฉันจะได้เจอโคนั้นมีน้อยเหลือเกิน แต่ฉันก็คว้ากล้องถ่ายรูปติดมือไปด้วย ฉันอยากเก็บภาพแห่งความสุขนี้ไว้


ฉันไปถึงบ้านคุณยาย เธอเปิดประตูรับแต่ไม่ได้เชิญให้ฉันเข้าบ้าน เธอบอกว่าเธอไม่ค่อยสบาย ฉันรู้สึกผิดหวังอีกครั้งและกำลังชั่งใจว่าจะยังไม่ให้กระจกกับคุณยายและจะกลับมาใหม่วันหลัง แต่ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจหยิบกระจกออกมาจากถุงแล้วยื่นมันให้คุณยาย กระจกนี้มีความหมายกับโคมาก ฉันไม่อยากให้โคต้องรอ... แม้เพียงอีกวันเดียว คุณยายมองกระจกในมือฉันแล้วปฏิเสธไม่ยอมรับ เธอบอกว่าฉันไม่ควรจะซื้อมันมาเพราะมันสิ้นเปลืองและให้ฉันเอามันไปคืนร้าน คุณยายพูดเช่นนั้นทั้งๆที่เธอก็รู้มาตลอดเวลาว่า ฉันพยายามทุกทางเพื่อหาซื้อกระจกแบบนี้ให้โค....


ฉันอึ้ง.. ความรู้สึกยากๆหลายอย่างวิ่งเข้ามากระทบใจ ฉันเจ็บปวด ผิดหวัง สงสารโค สงสารตัวเอง


ฉันยืนยันขอให้คุณยายช่วยรับกระจกอันนี้ไว้ อย่างน้อยก็ขอให้ถือเสียว่า กระจกนี้เป็นของขวัญที่ฉันจะให้โคในวันคริสต์มาสที่กำลังจะมาถึง คุณยายมีสีหน้านิ่ง ไม่ยินดี ไม่ยินร้าย ยากที่จะเข้าใจ แล้วเธอก็รับกระจกนั้นไว้....


ฉันกล่าวลาคุณยาย..... แล้วหันหลังให้ประตูเหล็กฉลุลายสีดำที่คุณยายกำลังใช้มือผลักมันให้ปิดลง ประตูเหล็กที่กั้นขวางอิสระภาพของโค ขณะนี้มันได้กั้นขวางฉันออกจากโคเช่นกัน วันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่ฉันจะมาที่นี่ มันเป็นวันสุดท้ายที่ฉันไม่มีโอกาสแม้จะได้เข้าไปทักทายและเห็นหน้าโค ฉันเดินลงบันไดสองสามขั้น แล้วตัดสินใจลาจากบ้านคุณยายตลอดกาล


มันเป็นระยะทางเดินกลับบ้านที่แสนยาวไกล ด้วยหัวใจที่แสนว่างเปล่า ด้วยความรู้สึกที่แสนปวดร้าว และด้วย.... แสนหยดน้ำตา


ใกล้วันคริสต์มาสแล้ว เวลาผ่านไปหนึ่งปี ฉันมองเห็นคุณยายตัดแต่งกิ่งไม้และดูแลสวนที่หน้าบ้านของเธอ คุณยายยังคงแข็งแรงเหมือนเมื่อปีก่อน ส่วนฉันก็ได้แต่ปลอบใจตัวเองว่า หนึ่งปีที่ผ่านมานั้น ฉันได้ทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กับโคแล้ว โคมีทุกอย่างที่นกตัวหนึ่งควรจะมีเพื่อความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตประจำวัน แม้ฉันจะยังอยากทำสิ่งดีๆให้กับโคตราบเท่าที่เขาจะมีชีวิตอยู่ แต่เวลาของเรามีเท่านี้เอง จากวันนั้นมาสิ่งเดียวที่ฉันได้ทำให้โคและคุณยายเสมอ คือ การสวดภาวนา


ฉันคิดถึงโค แต่ก็ไม่อาจรู้ได้เลยว่าเขาจะมีความเป็นอยู่อย่างไร หรือแม้หากเขาจะยังคงมีลมหายใจ... อยู่ภายในบ้านสีชมพู

December 17, 2007

ไม่มีความคิดเห็น: